';
ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว มองการยื่นยุบ 6 พรรคการเมือง ประเด็น "ทักษิณ" ครอบงำทางการเมือง เห็นว่าคนร้องไม่สมหวังนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ขาดพยานหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลอาจไม่เชื่อ
ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยถึงกรณีการร้องเรียน ทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรคการเมือง ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยว่า การร้องเรียนให้มีการยุบ 6 พรรคการเมือง เพราะมีการครอบงำทางการเมือง หากดูจากพยานหลักฐาน มั่นใจว่าไม่สามารถสาวไปถึง ทักษิณ ชินวัตร อาจจะกล่าวได้ว่า โดยวิญญูชนทราบและรับรู้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยและมีอิทธิพลสูงในพรรค รวมทั้งมีอิทธิพลในการตัดสินใจเกี่ยวกับพรรคหลายเรื่องในรัฐบาล โดยมีอิทธิพลในเชิงพฤตินัย แต่ในทางกฎหมายศาลจะพิจารณาในเชิงนิตินัย หมายความว่าจะดูในเรื่องพยานหลักฐาน อาทิ ข้อสั่งการ คำสั่ง ลายเซ็นต์ เอกสารที่เป็นหลักฐานและยืนยันได้อย่างชัดเจน
ผศ.ดร.โอฬารกล่าวว่า การที่จะเอาผิด ทักษิณ ชินวัตร คิดว่าคงจะยาก เว้นแต่จะมีเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องมองออกเป็น 2 แนวทาง ในเชิงนิตินัยเอาผิด ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อสั่งการ ไม่มีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่อำนาจทางการเมืองจะต้องดูในเรื่องอำนาจเก่า ที่เปิดทางให้ ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้กับพรรคประชาชน เห็นว่าไม่มีจำเป็นต้องใช้ ทักษิณ ชินวัตร หรือพรรคเพื่อไทย และอาจจะมองว่าพรรคภูมิใจไทยอาจจะมาแทนที่ได้ โดยจะมีการพิจารณาในเชิงพฤตินัยประกอบ ดังเช่นตัวอย่าง การพิจารณาเชิงพฤตินัย ทักษิณ ชินวัตร มาประกอบ คล้ายๆ กับกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเอาพฤติการณ์ในเชิงพฤตินัยมาเป็นตัวตัดสินแทน จนทำให้หลุดจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
"การที่ กกต.ต้องชงเรื่องนี้ให้ศาลพิจารณา เพราะต้องการโยนเผือกร้อน ถ้าไม่ทำ กกต.จะโดน ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้า จึงต้องทำเพื่อให้เห็นว่า กกต.ไม่ได้ละเลย ละเว้นในเรื่องของการร้องเรียน ในฐานะเป็นนายทะเบียน หากมองในเรื่องข้อเท็จจริง มองว่าเป็นการเมืองล้วนๆ" ผศ.ดร.โอฬารกล่าวและว่า ถ้า ทักษิณ ชินวัตร ยังมีความจำเป็น กกต.รับเรื่องไว้ และอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐาน เพราะว่าการสั่งการช่วงที่ร้องเรียนนั้นเป็นช่วงกลางคืน เกี่ยวกับการเสนอชื่อให้ อ.ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่วันรุ่งขึ้นให้ใช้มิติพรรคเพื่อไทยตัดสิน ซึ่งอ้างได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ครอบงำก็ได้
ผศ.ดร.โอฬารกล่าวอีกว่า คนที่ร้องเรียนนั้นต้องการที่จะตี ทักษิณ ชินวัตร เพื่อขอตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะตัวเองอยู่ในกลุ่มพรรคพลังประชารัฐ จึงออกมาสร้างราคาให้กับตัวเอง เพื่อจะแบล็คเมล์ขอตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากได้ตำแหน่ง เชื่อว่าคนนี้จะไม่เดินทางไปเป็นพยาน ซึ่งถ้าหากศาลรับพิจารณาเรื่องการยุบพรรค ศาลก็ต้องให้เอาพยานหลักฐานมาดู เพราะ กกต.จะต้องเชิญทั้งผู้ร้อง และผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูล เมื่อศาลดูสำนวนพยานหลักฐาน อาจจะมีการพิจารณาโดยมองว่า กลุ่มอำนาจหากเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นทางการเมือง จะอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐาน หากไม่จำเป็นก็จะอ้างว่าวิญญูชนสามารับรู้ได้ ซึ่งในความเป็นจริงทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้นร้องแน่นอน แต่ต้องดูว่ากลุ่มอำนาจเก่ายังดูแลองค์กรอิสระ ก็ต้องดูว่าจะมีการวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร
"ยอมรับว่าเรื่องนี้้เกิดช่วงกลางคืน และมีการอัดคลิปเสียงเอาไว้ จึงให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนมติให้อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มองว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ครองงำทางการเมือง" ผศ.ดร.โอฬารกล่าวและว่า อย่างไรก็ต้องประเมินว่าจะเอา ทักษิณ ชินวัตร มาสู้กับพรรคประชาชน ถ้ามีความจำเป็น ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากไม่มีความจำเป็นเชื่อว่าโดนแน่นอน" ผศ.ดร.โอฬารกล่าว.
ยอดเข้าชม 24 ครั้ง